วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

Youtube คืออะไร


ความเป็นมา 
เป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่สำคัญทุกอย่างที่นี่ฟรี โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป เปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอ เหล่านี้ให้คนอื่นดูได้ด้วย

             YouTube ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยอดีตพนักงานของ PayPal สามคนด้วยกัน (ปัจจุบัน PayPal ถูก eBay ซึ้อไปเรียบร้อยแล้ว) ใน YouTube จะมีบริการแสดงภาพวิดีโอซึ่งอาศัยเทคโนโลยีของ Adobe Flash ในการแสดงภาพวิดีโอ (Adobe Flash หรือที่หลายๆ คนรู้จักในชื่อของ Macromedia Flash หรือ Flash (แฟลช) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นิยมมาก ในการทำภาพแอนิเมชั่นและการทำโปรแกรมเล็กๆ ที่ใช้สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมเว็บ โดยมีซอฟต์แวร์ ระบบ และอุปกรณ์หลายชนิดที่สามารถสร้างแฟลชและแสดงแฟลชได้ แฟลชจึงสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสร้างแอนิเมชั่น โฆษณา สร้างส่วนประกอบของหน้าเว็บ รวมภาพวิดีโอเข้าไปในหน้าเว็บ รวมถึงการสร้างพอร์ทัล)

ใน YouTube จะมีข้อมูลเนื้อหารวมถึงคลิปภาพยนตร์สั้นๆ และคลิปที่มาจากรายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอบล็อกกิ้งซึ่งเป็นการสร้างบล็อกโดยมีส่วนของข้อมูลที่เป็นภาพ วิดีโอเป็นส่วนประกอบด้วย โดยเฉพาะเป็นภาพวิดีโอที่เกิดจากมือสมัครเล่นถ่ายกันเอง) ปัจจุบัน YouTube มีพนักงานเพียง 67 คนเท่านั้น

YouTube เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และได้รับความ สนใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะการบอกแบบปากต่อปากที่ทำให้การเติบโตของ YouTube เป็นไป อย่างรวดเร็วมากจริงๆ YouTube มาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายต่อเนื่อง เมื่อมีการนำภาพวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live มาแสดงบนเว็บ ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ก็ได้เรียกร้องให้ทาง YouTube เอาคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหลายออกจากเว็บ ซึ่ง YouTube เองก็มีนโยบายที่จะไม่เอาคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาแสดงเช่นกัน นั่นทำให้ต่อมา You Tube กำหนดนโยบายที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องนี้ โดยกำหนดให้คลิปวิดีโอมีความยาวสูงสุดเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นยกเว้นเป็นคลิปที่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นจากคนทำภาพยนตร์มือ สมัครเล่นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ YouTube ก็หาทาง ออกโดยการแบ่งภาพวิดีโอของตนเป็นชิ้นย่อยๆ แต่ละชิ้นยาวน้อยกว่า 10 นาทีแทน

อย่างไรก็ตาม กรณีพิพาทกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ทำให้ YouTube เป็นข่าวและเพิ่มความดังมากขึ้นไปอีก และต่อมาเอ็นบีซีก็เห็นถึงประสิทธิภาพของ YouTube และตัดสินใจ ดำเนินยุทธศาสตร์ที่ต่างไปจากเดิม โดยประกาศให้ YouTube เป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์แทน โดย YouTube จะเป็นคนโฆษณารายการของเอ็นบีซีในรูปของวิดีโอคลิปในเว็บของ YouTube เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) ที่เริ่มต้นเหมือนกับเอ็นบีซีและเลือกลงท้ายเหมือนกับเอ็นบีซีเช่นเดียวกัน

เดือน สิงหาคมที่ผ่านมา YouTube ประกาศว่าภายใน 18 เดือนข้างหน้านี้ พวกเขา จะสามารถเปิดให้เข้ามาดูมิวสิกวิดีโอทุกเพลงที่เคยสร้างขึ้นมาได้ และแน่นอน ทุกอย่างฟรีหมด โดยวอร์เนอร์มิวสิค (Warner Music) และอีเอ็ม ไอ (EMI) ได้ยืนยันแล้วว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังเจรจาในรายละเอียดกับ YouTube อยู่ และเดือนกันยายนที่ผ่านมา วอร์เนอร์มิวสิก และ YouTube ก็ได้เจรจาข้อตกลงที่ YouTube จะเป็นที่เก็บมิวสิกวิดีโอทุกเพลงที่วอร์เนอร์มิวสิค ผลิตขึ้นมา โดยพวกเขาจะแบ่งรายได้จากโฆษณา กัน นอกจากนี้ใครก็ตามที่สร้างคลิปวิดีโอเพื่อแสดงบน YouTube ก็สามารถนำเพลงของวอร์เนอร์มาใช้เป็นซาวด์แทร็กต์ได้ โดยไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด

9 ตุลาคมที่ผ่านมา ซีบีเอสรวมถึงยูเอ็มจี (UMG-Universal Music Group) และโซนี่บีเอ็มจี (Sony BMG) ก็ตัดสินใจที่จะแสดงงานของตนบน YouTube เช่นกัน




ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทันที เมื่อกูเกิ้ล ประกาศเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าตกลงตัดสินใจเข้าซื้อ YouTube ด้วยมูลค่า 1,650 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนหุ้น อย่างไรก็ตาม YouTube ก็ยังคงดำเนินกิจกรรม ของบริษัทไปตามปกติ โดยเป็นอิสระจากการควบคุมของกูเกิ้ล โดยกูเกิ้ลมองว่า YouTube เป็นชุมชนออนไลน์ทางด้านวิดีโอเพื่อความบันเทิง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีการเติบโตรวดเร็วที่สุด ในขณะที่กูเกิ้ลมองตัวเองว่าเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญ ทางด้านการจัดการข้อมูลสารสนเทศ และการสร้างโมเดลใหม่ทางด้านการโฆษณาบนอินเทอร์เน็ต การรวมกันของสองบริษัทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นและ เข้าใจได้มากขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่สนใจในการอัพโหลด การดูวิดีโอ และการแชร์ภาพวิดีโอ รวมถึงการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้เป็นเจ้าของ ข้อมูล (Content) ที่เป็นมืออาชีพที่จะนำเสนองานของพวกเขาไปสู่คนวงกว้าง
เมื่อ มองถึงโมเดลการสร้างรายได้ของ YouTube นั้นโมเดลธุรกิจของ YouTube จะอาศัยการโฆษณาเป็นหลัก นักวิเคราะห์ทางอุตสาหกรรม บางคนเห็นว่า YouTube มีค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงาน (running cost) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง YouTube ต้องการใช้แบนด์วิธซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ดังนั้นจึงทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อตัวบริษัทในทำนองว่าจะเหมือนๆ กับบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต หลายๆ แห่ง ที่ไม่มีโมเดลธุรกิจใดที่สามารถใช้งานได้ การใช้โฆษณาเริ่มเข้าปรากฏชัดเจนบนเว็บไซต์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2006 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา YouTube ได้เริ่มใช้ Google AdSense ซึ่งเป็นโปรแกรมบริหารจัดการโดยกูเกิ้ลในการคำนวณรายได้จากโฆษณาที่ปรากฏใน เว็บไซต์นั้นๆ แต่ YouTube สุดท้ายก็หยุดใช้ AdSense ในที่สุด นักวิเคราะห์บางคนคิดคำนวณว่า YouTube อาจจะมีรายได้มากถึงหลายล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ซึ่งก็จะทำให้ YouTube สามารถสร้างรายได้สุทธิได้มากมายในแต่ละเดือน
แต่เมื่อกูเกิ้ลเข้า มาซื้อ YouTube ไป การเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นกับ YouTube อย่างแน่นอน ในอนาคตอันใกล้แม้จะมีการออกมาบอกว่า YouTube จะได้รับอิสระในการบริหารจัดการก็ตามที แน่นอนว่าระบบการจัดการรายได้ โดยเฉพาะการกำหนดโมเดลการสร้างรายได้ใหม่ๆ ในเว็บไซต์ของ YouTube จะต้องเกิดขึ้น แต่ที่เราพอจะวางใจได้ในฐานะคนใช้งานและคนใช้บริการเว็บไซต์ YouTube ก็คือ ทุกอย่างน่าจะยังคงฟรีต่อไปอีก เพราะที่ผ่านมาการให้บริการของกูเกิ้ลก็เป็นในลักษณะให้บริการฟรีเกือบทั้ง สิ้น โดยเฉพาะการสร้างโมเดลธุรกิจที่อิงกับการอาศัยของฟรีเป็นตัวกำหนดตลอดมา
เมื่อ มองถึงวงการบันเทิง การที่กูเกิ้ลเข้าครอบครอง YouTube จะเป็นการเพิ่มช่องทางในการแข่งขันในธุรกิจบันเทิงที่สำคัญยิ่ง ที่ผ่านมาจะเห็นการเริ่มเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์ เน็ตในการเปิดให้บริการภาพยนตร์รวมถึงรายการโทรทัศน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ เริ่มจะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ การประกาศเข้าเทกโอเวอร์ของกูเกิ้ลครั้งนี้จึงเป็นจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติม เต็มการวาดภาพอนาคตของกูเกิ้ลในวงการบันเทิงที่ให้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ความเคลื่อนไหวในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดสินค้าบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ ที่มีบริษัทในวงการอินเทอร์เน็ตเข้าไปเกี่ยวข้องแบบเกาะติดมากขึ้นจึงดุ เดือดเลือดพล่านในระดับที่คนเฝ้าดูอย่างเราๆ ไม่สามารถกระพริบตาได้ สิ่งที่จะต้องมองต่อไปก็คือ คู่แข่งของกูเกิ้ล จะว่าอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในธุรกิจอินเทอร์เน็ตด้วยกันเอง ไม่ว่าจะเป็นยาฮูและไมโครซอฟท์ แต่ยังรวมถึงคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างในวงการมือถือและวงการสื่อสารมวลชน เป็นต้น
กูเกิ้ลชิงความได้ เปรียบครั้งสำคัญโดยเฉพาะการเข้าครอบครองกิจการ YouTube ที่จะเป็นบันไดสำคัญในการเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดบันเทิงในอนาคต YouTube ที่มีการเติบโตอย่าง รวดเร็วด้วยโมเดลธุรกิจที่เหมือนกับการสร้างทำโฮมวิดีโอในสมัยก่อนแต่อาศัย ช่องทางอินเทอร์เน็ตในการสร้างความนิยมอย่างรวดเร็ว กูเกิ้ลและ YouTube จึงเป็นการจับคู่ทางธุรกิจที่น่าสนใจที่สุดคู่หนึ่งในปีนี้ และจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง เชิงโครงสร้างของวงการบันเทิงในอนาคตอย่างแน่นอน
ผู้ใช้อินเทอร์ เน็ตบรอดแบนด์ส่วนใหญ่จะรู้จัก และชื่นชอบเว็บไซต์รวมคลิปวิดีโออย่าง YouTube ซึ่งก่อนหน้านี้ นิตยสารคอมพิวเตอร์.ทูเดย์ได้จัดทำเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับที่ 291 ปักษ์แรกเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเว็บไซต์แชร์วิดีโออันดับหนึ่งของโลกได้ถูกแกะรอยสถิติโดยเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ วอลสตรีท เจอนัล ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลคร่าวๆ ว่า ขนาดของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้จัดเก็บวิดีโอทั้งหมดเป็นเท่าไร อัตราการเติบโต กิจกรรมของผู้ใช้ ตลอดจนคำยอดฮิตที่ใช้เป็นชื่อไตเติลวิดีโอ เราลองมาดูรายละเอียดของตัวเลขสถิติเหล่านั้นกันดีกว่า                                 
- YouTube มีวิดีโอทั้งหมดมากกว่า 6 ล้านคลิป โดยอัตราการเพิ่มจำนวนคลิปวิดีโอ 20% ต่อเดือน
- คลิปวิดีโอทั้งหมดจะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บถึง 45 เทอราไบต์ หรือเทียบเท่ากับความจุของฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ตามบ้านรวมกัน 5,000 ครัวเรือน                                                                                  
  - หากคุณต้องการดูวิดีโอทั้งหมดใน YouTube จะต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 9,305 ปี                                               
 - สำหรับคอนเท็นต์ที่เปิดให้บริการจะมีค่าแบนด์วิดธ์คิดเป็นเงินหลายล้านเหรียญฯ ต่อเดือน                         
  - วิดีโอคลิปในเซ็คชั่น most popular จะมีเปอร์เซ็นต์ของแทรฟฟิกการเข้าชมสูงมากเป็นพิเศษ          
- คำว่า “dance”, “love”, “music” และ “girl” ถูกใช้เป็นชื่อไตเติลของวิดีโอมากที่สุด Youtube คืออะไร
               
 เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี โดยนำเทคโนโลยีของ Adobe Flash มาใช้ในการแสดงภาพวิดีโอ ซึ่งยูทูบมีนโนบายไม่ให้อัปโหลดคลิปที่มีภาพโป๊เปลือยและคลิปที่มีลิขสิทธิ์ นอกเสียจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้อัปโหลดเอง 
เมื่อสมัครสมาชิกแล้วผู้ ใช้จะสามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป แบ่งปันภาพวิดีโอให้คนอื่นดูด้วย  แต่หากไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถเข้าไปเปิดดูภาพวิดีโอที่ผู้ใช้คนอื่น ๆ ใส่ไว้ใน Youtube ได้  แม้จะก่อตั้งได้เพียงไม่นาน (youtube ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) Youtube เติบโตอย่างรวดเร็วมาก เป็นที่รู้จักันแพร่หลายและได้รับความนิยมทั่วโลก ต่อมาปี ค.ศ.2006 กูเกิ้ลซื้อยูทูบ ตอนนี้ยูทูบจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิ้ลแล้ว
ประโยชน์ในการใช้ Youtube
ไม่ว่าคุณจะสร้างวิดีโอวิดีโอดูหรือต้องการที่จะเป็นแบบออนไลน์ที่มีชื่อเสียง, คุณก็จะได้รับประโยชน์มากจากการใช้งานร่วมกันและการดูวิดีโอคลิป YouTube ออนไลน์ ใช่กับเว็บไซต์ YouTube, คุณสามารถดูวิดีโอออนไลน์โพสต์วิดีโอของคุณเองและอื่น ๆ ที่นี่หลายประโยชน์ของ YouTube เป็นคำอธิบายสั้น ๆ ของวิธีการที่คุณสามารถใช้ประโยชน์จากวิดีโอ YouTube คือ
ประโยชน์ : การสร้างบัญชีในเว็บไซต์ฟรี     หากต้องการดูมากที่สุดของวิดีโอฟรีบน YouTube คุณไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีผู้ใช้กับเว็บไซต์ แต่ถ้าคุณวางแผนที่จะอัปโหลดวิดีโอของคุณเองก็ต้องการที่คุณลงทะเบียนกับ YouTube แรกคือ หนึ่งในผลประโยชน์ YouTube คุณจะดีใจที่จะได้ยินคือมีความเป็นอิสระในการสร้างบัญชีที่มีเว็บไซต์ ซึ่งแตกต่างจากวิดีโออื่น ๆ ร่วมกันและการอัปโหลดเว็บไซต์, YouTube ไม่คิดค่าบริการจึงสามารถโพสต์คลิปวิดีโอออนไลน์โดยไม่ต้องปลอกกระสุนออกเงิน
Benefit B : ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อสร้างบัญชี YouTube
บางส่วนของผลประโยชน์ของ YouTube คือความจริงที่ว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีสำหรับคนที่ประสบความสำเร็จกับการเข้าสู่ระบบ YouTube ซึ่งหมายความว่าหากภารกิจของคุณคือการอัปโหลดวิดีโอและไม่ได้จริงๆในการดูวิดีโอออนไลน์บนเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นจะต้องรอเรื่องของการนาทีและคัน คุณและส่วนที่เหลือของโลกจะสามารถเห็นของคุณ โพสต์วิดีโอ
Benefit C : เว็บไซต์ที่มีเนื้อหามากมายสำหรับการดูและดาวน์โหลด
ประโยชน์ที่สมควรจะกล่าวถึงอีกประการหนึ่งก็คือมีวิดีโอฟรีมากมายบน YouTube ไม่ว่าคุณต้องการที่จะดูตลกคลิปวิดีโอเซ็กซี่และอื่น ๆ คุณจะบ่อยกว่าไม่พบพวกเขาในเว็บไซต์ บรรดาคลิปวิดีโอออนไลน์ที่คุณหลอดนอกจากนี้ยังพร้อมที่จะดูเพียงแค่คลิกปุ่มเมื่อเทียบกับไซต์วิดีโออื่น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นคุณจะต้องตอบแบบสำรวจครั้งแรกชำระค่าใช้จ่ายก่อนที่คุณจะได้รับชมวิดีโอออนไลน์
Benefit D : คุณสามารถได้รับข้อความของคุณทั่วทั้งเป็นล้านคนทั่วโลก
รวมอยู่ในรายการของประโยชน์ที่สำคัญของ YouTube เป็นความจริงที่ว่าคุณจะไปออกอากาศไปนับล้านของผู้เข้าพัก YouTube /สมาชิกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของผู้เข้าชมนับล้าน YouTube /สมาชิกเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เพื่อดูหรืออัปโหลดวิดีโอ ผู้คนจำนวนมากจริงๆคุณหลอดใช้ในการส่งออกข้อความและความรู้สึกของตนหรือกิจกรรมต่างๆร่วมกันกับคนอื่น ๆ ไม่เพียง แต่ในประเทศ แต่ไปยังสถานที่จากทั่วโลก
YouTube เป็นเว็บไซต์ที่นิยมมากคุณสามารถไปถ้าคุณกำลังอยู่ในการค้นหาของคลิปวิดีโอออนไลน์หรือถ้าคุณต้องการโพสต์วิดีโอของคุณเอง นอกเหนือจากการวิดีโอฟรีบน YouTube จำไว้ว่าคุณยังสามารถใช้เว็บไซต์เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคลที่จะเป็นที่นิยมเช่นเพื่อส่งเสริมการประกอบธุรกิจและอื่น ๆ เนื่องจากมีประโยชน์มากมายของ YouTube ของคุณมีคำถามว่าทำไมมันได้กลายเป็นไม่มี ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเวิลด์ไวด์เว็บ
การใช้งานของ Youtube
1.สร้าง ที่เหมาะสมกับการใช้งานทำการผ่านตลาด Youtube
2.เพิ่มข้อมูลธุรกิจ
3.สร้างและปรับแต่ง Theam  ให้เข้ากับธุรกิจ
4.ตัดแต่งคลิปวิดีโด ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ
5.เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม ทั้งบุคคลทั่วไปและกลุ่มเป้าหมาย
6.รายงานผลประจำเดือน

msn ( chat ) คือ ?

msn ( chat ) 

msn ( chat )  คือ MSN เป็นโปรแกรมอินสแตนท์เมสเซนเจอร์ (Instant Messenger คือ โปรแกรมส่งข้อความข้ามระบบเครือข่ายแบบทันทีทันใด หรือ IM) จากบริษัทไมโครซอฟท์ หรือที่คนไทยเรียกสั้น ๆ ว่า "เอ็มเอสเอ็น" หรือ "เอ็ม" ปัจจุบันสามารถส่งสื่ออื่น ๆ นอกเหนือจากข้อความ เช่น วีดีโอ, เสียง แบบทันทีทันใด นอกเหนือไปจากการส่งไฟล์ข้อมูล เช่น ไฟล์เอกสารเวิร์ด ไฟล์เพลง หรือไฟล์ประเภทอื่น ๆ ผ่านทาง MSN ได้อีกด้วย
MSN Messenger คืออะไร? ทางนี้มีคำตอบครับ เจ้า MSN Messenger หรือที่ เราชอบเรียกกันว่า msn เนี่ย มันก็คือ โปรแกรมส่งข้อความข้าม ระบบเน็ทเวิร์ค แบบทันทีทันใด หรือภาษาฝรั่งเรียกว่า IM (Instant Messenger) ถ้าคุณเคยเล่นโปรแกรม ICQ IRC หรือ Pirch ก็เข้าข่ายเป็นโปรแกรมพวกเดียวกัน

สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่ http://download.live.com/messenger/?mkt=th-th

การใช้งาน msn ( chat )
วิธีการติดตั้ง msn ( chat ) ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
1.       ก่อนอื่นคุณต้องมี Email Address ที่นามสกุล hotmail หรือ msn ก้อด้ายนะ ( ถ้าไม่มีไปสมัครที่ http://www.hotmail.com )
2.       เมื่อสมัครเสร็จแล้ว ให้ login เข้าไปในหน้าสำหรับเช็คเมล์
3.       คลิ๊กที่ Home สังเกตขวามือจะเห็นรูปผีเสื้อตัวโตๆๆ เขียนว่า msn..
4.       ให้คลิ๊กเข้าไป แล้วดาวโหลดโปรแกรม msn ตามขั้นตอน
5.       หลังจากดาวโหลดเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านสังเกตมุมด้านล่างขวามือสุด ท่านจะเห็น ตัวตุ๊กตาสีเขียว มีเครื่องหมายกากบาท….. สีแดง
6.       ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ตัวการ์ตูน
7.       จะขึ้นหน้าจอ MSN Messenger
8.       ให้คลิ๊กที่ "Click here to sign-in"
9.       จะขึ้นกรอบสีน้ำตาล ให้ท่านกรอกรายละเอียด
Sign-in name…………………ให้กรอก email address ของท่าน
Password ……………………..ให้กรอก Password ของท่าน
แล้วคลิ๊ก OK
10.    เครื่องจะทำการ singin เข้าระบบให้ เมื่อเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว สังเกตตัวการ์ตูนที่มุมขวาล่างจะไม่มี กากบาท สีแดง แล้ว
ขั้นตอนการหาคนมาคุยด้วย ( คนที่เราต้องการคุยด้วยจะต้องมีโปรแกรม msn ติดตั้งไว้ในเครื่องเช่นเดียวกัน )
1.       ต่อจากขั้นตอนที่ 10 นะเราจะอยู่ที่หน้า MSN Messenger
2.       มาที่เมนู Tools เลือก Add a Contact คลิ๊ก Next….ใส่ e-mail address ของเพื่อนเราหรือคนที่เราต้องการคุยด้วย
3.       คลิ๊ก Next อีกครั้ง จากนั้นคลิกที่ Finish (((((( เสร็จกระบวนการ )))))))
4.       ***** ในหน้า msn Messenger หลังจาก add คนที่เราต้องการคุยด้วยหรือเพื่อนของเรา เรียบร้อยแล้ว ให้สังเกตที่ชื่อของคนที่เรา add
- ถ้าเค้าออนไลน์ ตัวการ์ตูนจะเป็น สีเขียว
- ถ้าเค้าไม่ออนไลน์ ตัวการ์ตูนจะเป็น สีแดง
5.       ถ้าเราเห็นตัวการ์ตูนเป็น สีเขียว ที่ชื่อของเพื่อนเราคนไหน ถ้าเราต้องการคุยด้วยให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ตัวการ์ตูนได้เลย
6.       จะมีหน้าต่างอันใหม่ปรากฎขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มการสนทนาได้ตามอัธยาศัย
7.       สำหรับเทคนิคและวิธีการอื่นๆ ก็ค่อยๆ เรียนรู้ด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ
                                                                                   หน้าต่างหลัก แสดงชื่อเพื่อนๆ 

                                                                            หน้าต่างที่เราคุยกับเพื่อน

จากรูปด้านบน คือหน้าตาของโปรแกรม msn  ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองส่วน

1. หน้าต่างหลัก: ที่หน้าต่างนี้จะแสดงชื่อของเพื่อนๆ เราครับ ทั้งคนที่ online และ offline ซึ่งเวลาเราจะคุยกับเพื่อนคนไหน ก็สามารถดับเบิ้ลคลิ๊ก ที่ชื่อแล้ว หน้าต่างอีกอันจะแสดงขึ้นมา (รูปด้านขวามือ) เราก้อสามารถพิมพ์ข้อความส่งให้เพื่อนได้ทันที

2.หน้าต่างที่เราคุยกับเพื่อน: ที่หน้าต่างนี้เราสามารถพิมพ์ข้อความ คุยกับเพื่อนได้ทันที แล้วคุณยังสามารถให้ msn แสดงรูปภาพของเรา โดยที่ ทางฝั่งเพื่อนของเรา ก็จะเห็นรูปดังกล่าวเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถส่ง icon ต่างๆ เพื่อสื่ออารมณ์ เพิ่มความสนุกสนานในการ chat ได้อีกด้วย

ประโยชน์ของการใช้งาน Msn (Chat)
  1. คุยปรึกษาหารือ เรื่องงานที่กำลังทำหรือ สอบถามปัญหาเรื่องงานจากผู้เกี่ยวข้อง แต่เดิมเราใช้การโทรศัพท์พูดคุย แต่บางครั้งเราต้องการคุยเป็นการส่วนตัว แบบว่า 2 ต่อ 2 ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเสียงคุย (กลัวคนอื่นว่า ทำไมมันไม่รู้เรื่องนี้ ทำงานมาตั้งนานแล้ว อะไรประมาณนี้ครับ)
  2. สามารถสร้างกลุ่มเครือข่ายการทำงานร่วมกันระหว่างคณะ/หน่วยาน/บุคลากรต่างๆ เช่น นักวิเคราะห์ของคณะต่างๆ มี MSN ต่อไปเมื่อจะประสานงานกันระหว่างคณะใด หน่วยงานใด ก็ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ ก็ได้ เพียงแต่การพูดคุยทาง MSN เท่านั้น ก็สะดวกและตรงจุดเหมือนกัน
    3. สามารถจัดประชุมแบบ e-meeting กันได้เลย เราสามารถจัดประชุมกลุ่มเล็กๆ ได้ ประมาณ 3-5 คน โดยติดตั้ง Webcam กับไมค์ ก็สามารถประชุมกันได้อย่างมีรสชาด ผ่านทาง MSN นี้เอง ประชุมที่โต๊ะ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่ต้องเสียค่าอาหารว่าง
    4. การส่งไฟล์แบบไม่จำกัดขนาดของไฟล์ เคยส่งไฟล์ขนาด 1GB พบว่า ไหวครับ สบายมาก จำกัดเฉพาะช่องสัญญาณของการส่งว่าจะมีเพียงพอหรือเปล่า
การทำงานของคนยุคใหม่  จึงมาพร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น การรับส่งไฟล์ การสนทนา การประชุมทางไกล ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายให้มากทีเดียว เมื่อเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็คุยกันผ่าน MSN  ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ทางไกลเลย สะดวก ประหยัดด้วย ถ้าติดกล้องเว็บแคมเข้าไปหน่อย ก็สามารถเห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามได้อีกด้วย สำหรับองค์กรระดับใหญ่ ก็สามารถใช้โปรแกรม IM ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างสำนักงานใหญ่ กับสาขาย่อยที่กระจายอยู่ตามมุมโลกได้อย่างสะดวกสบายเช่นกันที่สำคัญ   เร็วกว่าอีเมลล์ด้วย
สิ่งที่ควรระวังเวลาเล่น MSN                                                                                                                                         
 1. ท่านจะถูกหัวหน้า เพ่งเล็งว่าไม่ทำงาน วันๆ เอาแต่คุยไร้สาระ หากท่านสามารถทำให้หัวหน้าเข้าใจได้ว่าสิ่งที่คุยอยู่นั้นเป็นเรื่องงาน พร้อมกับมีหลักฐานให้ดู ประเด็นนี้น่าจะหลุดพ้นไปได้                                                                                                                                                                                        
2. ระยะเวลาของการพูดคุย บางครั้งท่านจะคุยกันเพลินไปหน่อยจนลืมทำงาน แต่หลังจากพิจารณาแล้ว ผมกลับพบว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์ การเดินไปพูดคุยกับเพื่อนที่โต๊ะต่างๆ กับการพูดคุยผ่าน MSN เมื่อพิจารณาดูแล้ว ในเรื่องระยะเวลาของการคุย อาจจะเสียเวลาไม่แตกต่างกันเลยก็ได้

 

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

Webboard

Webboard

webboard คือ ?
เว็บบอร์ด ( web board, webboard)     คือลักษณะของเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนบทสนทนา การพูดคุย การอภิปรายในสังคมออนไลน์ นอกจากชื่อเว็บบอร์ดแล้ว ยังมีเรียกกันหลายชื่อไม่ว่า กระดานข่าว กระดานข่าวสาร กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ กระดานสนทนา กระดานสนทนาออนไลน์ ฟอรัม เว็บฟอรัม เมสเซจบอร์ด บุลลิทินบอร์ด ดิสคัชชันบอร์ด ฯลฯ หรือเรียกอย่างสั้นว่า บอร์ด ก็มีเรื่องราวที่มีการพูดคุยในแต่ละเว็บบอร์ดจะมีการแตกต่างกันไปในแต่ละเว็บบอร์ด บางเว็บบอร์ดจะมีหลายหัวข้อโดยแบ่งแยกย่อยออกไปเช่นที่ปรากฏได้แก่ เครกส์ลิสต์ กูเกิล กรุ๊ปส์หรือ ยาฮู! รู้รอบ หรือตัวอย่างในเว็บบอร์ดไทยได้แก่ พันทิป ประมูล และ เอ็มไทย และหลายเว็บบอร์ดมีเรื่องพูดคุยเฉพาะทางตัวอย่างเว็บบอร์ดไทยอาทิ ไทยแวร์ นาริสา ในด้านคอมพิวเตอร์ หรือ Soccersuck ในด้านฟุตบอล Thaigaming ในด้านวิดีโอเกม ส่วนเว็บบอร์ดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นคือ 2channel
 WebBoard คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในลักษณะเป็น กระดานสนทนา เป็นกระดานแจ้งข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยใช้รูปแบบการแสดงผล HTML ที่นิยมใช้ใน World Wide Web.. WebBoard อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเวปไซต์ และผู้พัฒนาเวปไซต์ สามารถตั้งหัวข้อกระทู้ เพื่อประกาศข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก GuestBook ตรงที่ WebBoard จะสามารถแยก หัวข้อต่างๆ ออกเป็นกระทู้ๆ มีความโต้ตอบกันในการสนทนา ในหัวข้อเดียวกันมากกว่า กล่าวได้ว่า WebBoard คือพัฒนาการในรูปแบบใหม่ ของระบบการสนทนาใน BBS (Bulletin Board System) ที่เคยได้รับความนิยม ก่อนที่ระบบเครือข่าย Internet จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น WebBoard ที่พบเห็นกัน มีอยู่หลายรูปแบบ สำหรับโปรแกรม D'Board ที่เปิดให้ใช้บริการนี้ จะเป็น WebBoard ในลักษณะเดียว (รูปแบบคล้าย) กับที่ใช้ใน pantip.com

ประโยชน์ของ Webboard

การสร้าง subdomain
           subdomain มีประโยชน์มากในการทำเว็บไซต์ทั้งช่วยให้ผู้ใช้งานจำชื่อเว็บได้ง่ายขึ้น และยังสามารถจัดการไฟล์ได้สะดวก สามารถทำงานกันเป็นทีมได้ดีขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่น http://webboard.hellomyweb.com/ ส่วนของ webboard คือ subdomain ของ hellomyweb.com สำหรับการทำ subdomain นั้นสามารถทำได้โดยคลิกที่ Subdomain Management ดังรูปด้านล่าง


หลังจากนั้นหน้าจอจะเปลี่ยนไปดังรูป






        ในช่อง Add Sub-Domain: ให้ใส่ชื่อของ subdomain ที่คุณต้องการลงไป จากนั้นคลิกที่ปุ่ม create ระบบจะสร้าง subdomain ให้ท่านทันที โดยระบบจะสร้างโฟล์เดอร์ชื่อเดียวกับ subdomain ของท่าน จากนั้นท่านสามารถนำไฟล์เว็บเพจที่ต้องการให้แสดงผลใน subdomain ที่สร้างใหม่เก็บไว้ในโฟล์เดอร์ชื่อ่เดียวกับ subdomain ได้ทันที
        อย่างเช่น webboard.hellomyweb.com จะมีโฟล์เดอร์ชื่อ webboard ขึ้นมาเมื่อท่านเปิดไฟล์ใน server ดู
ข้อดีของการใช้ Webboard
    * เป็นช่องทางในการติดต่อ ประกาศข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
    * ทำให้เกิดสังคม ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ระหว่างกลุ่มผู้เยี่ยมชม
    * ผู้พัฒนาโฮมเพจ สามารถใช้เป็นช่องทางในการ ประกาศข่าวใหม่ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นได้
    * ง่ายในการใช้งาน แม้จะเป็นผู้เริ่มต้น เมื่อเทียบกับการใช้ Mailing list หรือ News Group

การใช้งาน                                                                                                                                                    

   ผู้ใช้งาน  เราสามารถจำแนกผู้เข้าใช้งานกระดานข่าวสารได้เป็น 4 ส่วนตามลักษณะสิทธิของการเข้าถึง คือ                                                                                                                                                                       

        1.ผู้ดูแลระบบสูงสุด - ผู้ที่มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกคนและมีสิทธิพิเศษที่ผู้อื่นไม่มี คือ การลบผู้ใช้งานที่อยู่ระดับต่ำกว่าตนเอง เป็นต้น                                                                                                                              

           2.ผู้ดูแลระบบทั่วไป - ผู้ที่เข้าไปจัดการกับกระทู้ต่างๆให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น การย้ายกระทู้ไปในหมวดที่ถูกต้อง ลบกระทู้เก่าๆ เป็นต้น

            3.ผู้ใช้ที่เข้าระบบโดยการกรอกชื่อและรหัสผ่าน - ผู้ใช้งานที่มีสิทธิบางอย่างเหนือกว่ามากกว่าผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ได้แก่ การแก้ไขคำตอบกระทู้ และการลบกระทู้ของตัวเอง เป็นต้น

4.ผู้ใช้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม - ผู้ที่ไม่ได้เข้าระบบโดยการกรอกชื่อและรหัสผ่าน จะไม่ได้รับสิทธิบางประการ เช่น การแก้ไขตอบกระทู้ ลบกระทู้ของตัวเอง เป็นต้น
ผู้ใช้ที่ไม่ประสงค์ออกนามมีสิทธิพิเศษบางอย่างที่ไม่เป็นที่พึงต้องการ คือ การก่อกวนกระทู้หรือการปั่นกระทู้ แต่ผู้ดูแลระบบก็สามารถระงับการก่อกวนกระทู้ได้โดยการใช้บทลงโทษที่ได้กำหนดเอาไว้แล้วในส่วนของผู้ควบคุมระบบ

ผู้ให้บริการ

ผู้ให้บริการเว็บบอร์ดสามารถมีเว็บบอร์ดของตัวเองได้หลายวิธีไม่ว่า เขียนโปรแกรมสร้างเว็บบอร์ดของตัวเอง ใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว หรือขอบริการติดตั้งเว็บบอร์ดส่วนตัวผ่านผู้ให้บริการ
                                                                                                
ตัวอย่างผู้ให้บริการเว็บบอร์ดส่วนตัว                     
กูเกิล กรุ๊ปส์                                                                                                                                          
 แพนทาวน์ ของพันทิป                                                                                  
  เว็บบอร์ดซอฟต์แวร์ที่เป็นที่นิยมพร้อมทั้งชื่อซอฟต์แวร์ที่ใช้พัฒนาในวงเล็บ

Social Network

บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต

social network คืออะไร

                Social Network คือการที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่างของเว็บประเภทที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียก ได้ว่าเป็น Social Bookmark ที่ได้รับความนิยมอีก แห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ที่จะนำมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ผู้คนจะช่วยกันแนะนำ url ที่น่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะมาช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนั้น ๆ เป็นต้น



               สำหรับตัวอย่าง Social Network อื่น ๆ เช่น Hi5 หรือว่า Facebook ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น social network เต็มรูปแบบอีกอย่างหนึ่ง ที่ให้ผู้คนได้มามีพื้นที่ ได้ทำความรู้จักกันโดยเลือกได้ว่า ต้องการทำความรู้จักกับใคร หรือเป็นเพื่อนกับใคร
            เมื่อหันมามองเว็บไซต์ไทย ๆ กันดูบ้าง หากมองว่าเว็บไซต์ Social Network ในไทย จะมีเว็บไหนได้บ้าง ลองดูเว็บไซต์ Social Network ที่มีความชัดเจนในเนื้อหาเฉพาะด้าน เช่น Social Network เรื่องท่องเที่ยว อย่างเว็บไซต์ odoza (โอ โดซ่า) ที่ให้คนที่ชื่นชอบในเรื่องท่องเที่ยว ได้มาทำความรู้จักกัน ได้มีพื้นที่ให้ share รูปภาพ หรือวีดีโอคลิป ที่ตนเองได้ไปเที่ยวมาได้
ขอแนะนำ 10 อันดับ Social Network ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ 1. MySpace.com                    5. Vkontakte.ru                      9. Bebo.com
 2. FaceBook.com                    6. Friendster.com                10. Studivz.net
3. Orkut.com                           7. SkyRock.com
 4. Hi5.com                              8. PerfSpot.com

ประโยชน์ของ Social  network
        1. ช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
               ด้วยเหตุผลที่เราสามารถจัดการควบ คุม ดูและ และกำหนดรูปแบบต่าง ๆ ได้เอง ทำให้เราสื่อสารได้ในวงกว้าง และสามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการส่งรูปภาพ  การส่งข้อความ และการส่งคลิปวีดีโอ ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน social network ถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว
         2. เป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
      
        คุณสามารถสร้างความเป็นกันเองกับลูกค้า อีกทั้งคุณสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และเข้าถึงลูกค้าโดยไม่จำเป็นต้องมาหาแบบสำรวจให้มันยุ่งยาก เพราะความเป็นกันเอง ที่คุณมีให้กับลูกคา ผ่านการสื่อสารโดย social network ทำให้คุณ สามารถที่จะทราบความต้องการ รวมไปถึงความคิดของลูกค้าได้ง่าย เพราะลูกค้าจะกล้าทีจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว รวมไปถึงความคิด ไม่แน่นะ คุณอาจได้ไอเดีย ดีดีจากการแนะนำของลูกค้าเองเลยก็ได้
           3. ง่ายต่อการสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร
     
          ง่ายต่อการบริหารองค์กร อันนี้คุณอาจยังมองไม่ออก แต่ในความเป็นจริงมันช่วยคุณได้มากเลยทีเดียว เพราะการติดต่อสื่อสาร ผ่าน Social network คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็น เรื่องงานเท่านั้น อาจเป็นเรื่องส่วนตัว  หรือเป็นการทักทาย และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย และสิ่งที่คุณได้มาคือ คุณจะได้ใจคนในองค์กรไปทีละเล็ก ทีละน้อย ในที่สุด การประสานงาน หรือการทำงานของคุณจะง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว และที่สำคัญคุณก็ยังได้รู้อีกว่า คนในองค์กรของคุณ คิดอะไร ทำอะไร ทำให้คุณเข้าใจคนในองค์กรคุณมากขึ้นกว่าเดิม
         4. ชื่อเสียงของคุณเอง
     
           อันนี้คุณจะเห็นได้มากมายที่ นินทาว่าร้ายกันผ่าน social network แต่คิดในทางกลับกัน ถ้าเขารู้ว่าคุณก็อยู่บนSocial network เช่นกัน ผลก็คือ เขาจะระวังคำพูด ไม่ด่าว่าร้ายคุณบน social network รวมถึงไม่นินทาคุณอันนี้จะช่วยคุณได้มากเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยเขาก็กลัวที่คุณจะมาเจอข้อมูลลเหล่านี้ ทำให้ชื่อเสียงของคุณก็ยังออกมาดีอยู่
          5. สร้างภาพลักษณให้องค์กร
          
       ตรงนี้อย่างน้อย ถ้าองค์กรไหนใช้ social network าประชาสัมพันธุ์ องค์กร สิ่งที่คุณจะรู้สึกได้ก็คือ องค์กร นั้น ทันสมัย น่าติดตาม และน่าสนใจ รวมไปถึงเขาถึงได้ง่าย ทำให้ เกิดภาพลักษณ์ ที่ดีขององค์กร และทีมบริหาร
           6. แลกเปลี่ยนความรู้
               คุณจะเห็นว่า หลายคนในองค์กรคุณมักเก่งมาก แต่เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสมากนักที่จะบอก
ความรู้นั้นกับคนอื่น แม้แต่ผู้บริหารหลาย ๆคนก็เป็นแบบนี้เช่นกัน เรื่องบางเรื่องที่เป็นทิบเล็ก ๆ น้อย แต่นั่นอาจมีผลทำให้งานสำเร็จและมีประสิทธิภาพมากอย่างที่คุณไม่คาดคิด เพราะอย่างน้อย ก็อาจลดความผิดพลาดของการทำงานได้มากกับเทคนิคเล็ก ๆ ดังนั้นหากองค์กรไหน มีการใช้ social network มาใช้ในองค์กรจะช่วยให้คนในองค์กร ได้แลกเปลี่ยนความรู้และเปลี่ยนเทคนิคเล็ก ๆ อย่างน้อยก็กระจายความรู้ไปได้มากขึ้นแหละครับ
         7. ง่ายต่อการประสานงาน

                อันนี้คุณจะเห็นได้อีกอย่างว่าการใช้ social network มาช่วยในการบริหารจะเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการประสานงานในองค์กรคุฯก็จะทำได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ปฏิบัติงาน ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบบที่คุณคาดไม่ถงเลยทีเดียว
        8. เข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้เร็ว

                
การใช้ social network จะช่วยให้คุณได้มีโอกาศศึกษาหาความรู้ และเทคนิคใหม่ ทำให้คุณสามารถ นำมาพัฒนาฝีมือคุณเองได้ตลอดเวลา ซึ่งการเรียนรู้เทคนิคพวกนี้จะเกิดขึ้น และเป็นไปอย่างรวดเร็วดังนั้นหากคุณอัพเดตตัวคุณเองตามเทคโนโลยีได้แล้ว โอกาสของคุณก็มากที่สุดด้วยเช่นกัน
การใช้งานของ Social network                 ปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตกำลังอยู่ในยุคกลางหรือยุคปลาย ๆ ของ web 2.0 กันแล้ว  จึงทำให้มีเว็บไซต์ในลักษณะ Social Networking Service (SNS) ออกมามากมาย  เป็นบริการผ่านเว็บไซต์ที่เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลแต่ละคนที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์คอินเทอร์เน็ต รวมทั้งเชื่อมโยงบริการต่างๆ อย่างเมล เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกันตั้งแต่ Hi5, MySpace, Facebook, Bebo, LinkedIn, Multiply, Ning และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดจะมีส่วนที่คล้ายกันคือ "การแอ๊ดเพื่อน" ตามหลักการ Friend-Of-A-Friend (FOAF)  โดยปกติแล้วสิ่งที่ SNS ให้บริการพื้นฐานคือ การให้ผู้สนใจสร้าง profile ลงในเว็บ  บางที่อาจอนุญาตให้อัพโหลดไฟล์แบบต่างๆ ไม่ว่าจะภาพ เสียง หรือ คลิปวีดีโอ  จากนั้นก็จะมีเรื่องของการ comment (เม้นต์)  มี Personal Messeage (PM) ให้คุยส่วนตัวกับเพื่อนบางคน และที่ต้องทำก็คือ ไล่อ่าน ไล่เม้นต์ ไปตาม Profile ของคนอื่นเรื่อยๆ
              Social Network ยังไม่มีคำไทยเป็นทางการ มีการใช้คำว่า เครือข่ายสังคมบ้างเครือข่ายมิตรภาพบ้าง” “กลุ่มสังคมออนไลน์” Social Network นี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีอีกอันนึง ที่สามารถช่วยให้เราได้มามีปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของคำว่า Social Network นี้จริงๆ แล้วก็คือ Participation หรือ การมีส่วนร่วมด้วยกันได้ทุก ๆ คน (ซึ่งหวังว่าผู้ที่ติดต่อกันเหล่านั้นจะมีแต่ความปรารถนาดี สิ่งที่ดีๆ มอบให้แก่กันและกัน) ถ้าพูดถึง Social Network แล้ว คนที่อยู่ในโลกออนไลน์คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และก็คงมีอีกหลายคนที่ได้เข้าไปท่องอยู่ในโลกของ Social Network มาแล้ว ถึงแม้ว่า Social Network จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลกออนไลน์ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ใช้อินเตอร์เน็ต ทำให้เครือข่ายขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และจะยังคงแรงต่อไปอีกในอนาคต จากผลการสำรวจจากประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันการใช้บริการ Social Network ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมาแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกออนไลน์ ส่วนเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดทั่วโลก ก็เห็นจะเป็น My space, Facebook และ Orkut สำหรับเว็บไซต์ ที่มีเปอร์เซ็นต์เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก็เห็นจะเป็น Facebook แต่สำหรับประเทศไทยที่ฮอตฮิตมากๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Hi5